หน้าเว็บที่ดีควรมีอะไรบ้าง??
ทำยังไงให้คนสนใจเว็บไซต์ของเรา
หน้าเว็บ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของคนทำเว็บไซต์ เพราะหน้าเว็บที่ดีจะสร้างผลลัพธ์กลับมาให้คุณในแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว ผมไม่ได้พูดเกินจริง เพราะมีคนที่ทำได้ สามารถขายสินค้า และบริการผ่านหน้าเว็บไซต์ของตัวเองได้ทันที มีออเดอร์เข้าตลอด ซึ่งต่อยอดให้ธุรกิจเขาก้าวไปได้ไกลจากตอนเริ่มต้นมากๆ
นอกจากนี้ หน้าเว็บที่ดียังส่งผลต่อเนื่องกับการทำ Ads หรือการโฆษณาออนไลน์ด้วย เพราะในปัจจุบันการทำ online marketing ทำได้ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แต่ความยากจะอยู่ที่ ทำยังไงให้ได้ผลที่ต้องการ? มากกว่า
การทำโฆษณาออนไลน์นอกจากจะต้องให้ความสำคัญกับการวางแผน, กำหนดกลุ่มเป้าหมาย และใส่ใจเรื่องคอนเทนต์แล้ว ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การทำ Ads สำเร็จ และได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นก็คือตัวเว็บไซต์ครับ อย่างเช่น ถ้าคุณใช้ Google Ads เป็นช่องทางในการทำโฆษณา ตัว Google Ads จะทำหน้าที่หา “ลูกค้าที่ใช่ และมีสิทธิ์จะซื้อสินค้า” ของคุณมาให้ แต่การตัดสินใจซื้อของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับหน้าเว็บของคุณเองว่า “สามารถทำให้ลูกค้าเกิดความต้องการได้รึเปล่า?”
ดังนั้น การทำ Ads ที่ประสบความสำเร็จ และได้ผลดี จะมาจากสองส่วนด้วยกันครับ คือ 50% มาจาก Ads ที่ทำหน้าที่หาคนที่ใช่มาให้คุณ ส่วนอีก 50% อยู่ที่เว็บไซต์ของคุณเองครับว่าจะดีพอให้คนที่ใช่นั้นตัดสินใจซื้อหรือไม่
หน้าเว็บที่ดีควรมีอะไรบ้าง
การสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาหนึ่งเว็บ อาจเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งมีเว็บไซต์ หรือเพิ่งเริ่มทำ Google Ads เพราะไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง ออกแบบยังไงให้ได้มาตรฐานมากที่สุด ผมจึงรวบรวมข้อมูล และคำแนะนำของสิ่งที่ควรมีบนหน้าเว็บมาให้ในเบื้องต้น เพื่อเป็นไกด์ให้กับทุกๆ ท่านได้นำไปต่อยอดกัน จะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกันครับ
ต้องมี Keyword ชัดเจน
สิ่งสำคัญมากๆ อันดับแรกของการทำเว็บไซต์ก็คือ Keyword ครับ และต้องตั้งให้ถูกคำด้วย ถ้าคุณตั้ง Keyword สะเปะสะปะ, ตั้ง Keyword ที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่ได้ตั้งไว้เลย Google ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าควรเอาหน้าเว็บนี้ไปแสดงผลจากคำค้นหาอะไร ซึ่งส่งผลทั้งการทำ Google Ads และการทำ SEO โดยตรง เพราะต้องใช้คีย์เวิร์ดเป็นปัจจัยสำคัญเหมือนกัน โดยเราควรใส่ Keyword ที่ต้องการติดอันดับ หรือต้องการใช้งานให้กระจายอยู่ในหน้าเพจ ทั้ง Title, Desciption และ URL แต่จำนวนคีย์เวิร์ดต้องไม่เยอะเกินไป ไม่งั้น Google จะมองว่าเป็นการสแปมคีย์เวิร์ดครับ ว่าง่ายๆ ก็คือ เขียนคอนเทนต์ให้เป็นภาษามนุษย์อ่าน แต่แทรกคีย์เวิร์ดไว้ระหว่างเนื้อหาก็พอครับ ถ้าอยากรู้เรื่องการตั้ง Keyword เพิ่มเติม อ่านต่อได้ที่บทความ "พื้นฐาน SEO ที่ดี เริ่มต้นที่ Keyword" ได้เลยครับ
จัดหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบ
เว็บไซต์คือพื้นที่แสดงข้อมูลในโลกออนไลน์ การออกแบบ Sitemap และการ Grouping กลุ่มข้อมูลของธุรกิจ หรือจัดประเภทสินค้าให้ค้นหาง่าย เป็นหมวดหมู่ จะทำให้ลูกค้าชื่นชอบอย่างมาก เพราะเวลาค้นหาสินค้าจะไม่งง
ลองนึกภาพร้านขายของที่เดินเข้าไปแล้วหาของง่าย วางอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ สินค้าประเภทเดียวกันอยู่ใกล้ๆ กัน กับอีกร้านนึง ของวางระเกะระกะ สินค้าคล้ายๆ กันแต่วางแยกคนละที่ ไม่มีป้ายบอกว่าตรงนี้คือสินค้าอะไร แล้วเราจะหาของที่เราต้องการได้ยังไง เป็นคุณคุณอยากซื้อของร้านไหนมากกว่ากัน?
สร้างความน่าเชื่อถือให้ได้มากที่สุด
การสร้างความน่าเชื่อถือของแบรนด์ให้กับผู้เข้าชม ตั้งแต่การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม อ่านข้อมูลง่าย มีที่อยู่ชัดเจนเพื่อยืนยันตัวตนจริง พร้อมระบุในคอนเทนต์ให้ชัดเจนว่าเราเป็นใคร เรามีวิธีช่วยแก้ปัญหาของคุณอย่างไร และคุณสามารถเชื่อในตัวเราได้มากขนาดไหน ซึ่งข้อมูลพวกนี้อาจเป็นตัวเลขเชิงสถิติว่า ผู้ใช้กว่า xx% ใช้แล้วดีขึ้น เห็นผลจริง หรือข้อมูลอ้างอิงที่สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการใช้งานจริง ตัวเลขจำนวนผู้ใช้ ฯลฯ เพราะตัวเลขจะทำให้คนเข้าใจได้ง่ายกว่าการอธิบาย
หรือถ้าหน้านั้นเป็นสินค้าที่มีคุณสมบัติต่างๆ ก็ต้องมีการอธิบายสรรพคุณ หรือคุณประโยชน์ให้มากพอ แต่ไม่ใช่การพูดในเชิงโม้โอ้อวดจนเกินไป เพราะคนอ่านสมัยนี้รับรู้ได้ว่า อันไหนเว่อร์เกินจริง หรืออันไหนอ่านแล้วน่าเชื่อถือ ซึ่งข้อมูลในจุดนี้ ตัวเจ้าของธุรกิจอาจต้องใช้เวลากับมันสักหน่อยนะครับ แต่ถ้าทำได้ผล มันจะอยู่ไปอีกนานโดยที่ไม่ต้องปรับบ่อยๆ เลยล่ะครับ
เนื้อหาต้องไม่มากไม่น้อยเกินไป
คอนเทนต์ที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ต้องไม่ใช่การอธิบายแค่หนึ่งย่อหน้าแล้วจบ หรือเป็นเนื้อหาสั้นๆ ที่คนอ่านอ่านแล้วไม่ได้อะไร หรือจะเป็น Text ยาวๆ เต็มพรืดไปหมดทั้งหน้าก็ไม่ดี เพราะข้อมูลในเว็บไซต์จะต้องประกอบไปด้วยเนื้อหาที่เหมาะสม ให้ข้อมูลผู้ชมได้มากพอ พร้อมทั้งโน้มน้าวผู้ชมให้เกิดความสนใจในสินค้า และบริการของเราด้วย ลองคัดกรองข้อมูลที่จำเป็น และมีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อมาตั้งเป็นหัวข้อไว้ ถ้าอันไหนไม่สำคัญให้ตัดออก เราจะได้คอนเทนต์ที่มีแต่เนื้อเน้นๆ ไม่จำเป็นต้องมีน้ำ เพราะถ้าคอนเทนต์ยาวเกินไป คนก็จะไม่อ่านอยู่ดี
ใช้รูปหรือวิดีโอประกอบ
การใช้รูป หรือวิดีโอ เป็นการใช้สื่อเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี เพราะผู้ใช้ในปัจจุบันจะชอบดูมากกว่าชอบอ่าน ดังนั้น ถ้าตัวหนังสือเยอะเกินไป คนจะไม่อ่านกัน ควรมีเนื้อหาที่เป็น Text พอประมาณ และเสริมคำอธิบายให้เห็นภาพด้วยรูป และวิดีโอจะได้ผลดีขึ้น ซึ่งรูป และวิดีโอที่ใช้ก็ต้องเกี่ยวข้องกับสินค้า และบริการของเราด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากรูปไม่สื่อ วิดีโอไม่เกี่ยวข้อง คนก็ปิดทิ้งไปเหมือนกัน
ต้องมี CTA
CTA (Call to Action) คือปุ่มกดที่สร้างไว้เพื่อกระตุ้นให้เกิด Action บางอย่างกับสินค้า หรือบริการของเรา ถ้าใครชอบซื้อของออนไลน์บ่อยๆ คุณจะต้องเจอกับปุ่ม “ซื้อเลย” หรือ “หยิบใส่ตะกร้า” นี่ก็เป็น CTA อย่างหนึ่งครับ
แต่สำหรับหน้าเว็บที่ไม่ใช่หน้า Product ค้าปลีกแบบหยิบใส่ตะกร้าเป็นรายชิ้น การสร้างปุ่ม CTA ควบคู่ไปกับการให้รายละเอียด และข้อมูลที่ครบถ้วน หรือเป็นโปรโมชั่นลดราคา จะช่วยให้ผู้เข้าชมตัดสินใจคลิกที่ปุ่ม และกลายมาเป็น Leads ได้มากขึ้น เพราะถ้าคอนเทนต์เราครบ บอกข้อดี (แบบไม่เว่อร์เกินจริง) โน้มน้าวใจผู้ชมได้ เขาจะตัดสินใจ Action กับเราได้ง่าย และรวดเร็วขึ้นครับ
นอกจากนี้ ปุ่ม CTA ยังถูกใช้สำหรับการวัดผลเชิง Data Analytics ได้ด้วยว่า ถ้าคนคลิกปุ่มนี้เยอะ แสดงว่าตอนนี้เว็บไซต์เวอร์ชันปัจจุบันมีประสิทธิภาพมากๆ แต่ถ้าคนยังคลิกน้อยอยู่ เราก็จะรู้ได้ว่าควรปรับแต่งให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้นครับ
คำแนะนำเบื้องต้นนี้ เป็นเพียงพื้นฐานในการสร้างเว็บไซต์ที่ควรทำ ส่วนใครที่คิดว่าควรเพิ่มเติมอะไรลงไปให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองก็สามารถเอาไปต่อยอดได้นะครับ
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่าถ้าคุณอยากลองทำ Google Ads ก็สามารถทำได้ครับ แต่ไม่ได้สำคัญที่คนทำ Ads เก่งอย่างเดียวแล้วจะขายได้ เพราะเว็บไซต์ของคุณเองก็ต้องทำหน้าที่โน้มน้าวลูกค้าให้ได้ผลด้วยเนื้อหาภายในเช่นกัน สำหรับลูกค้าท่านใดที่ใช้งานระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy อยู่แล้ว แล้วต้องการทำ Google Ads เพิ่มเติม ทางทีมงานก็มีบริการให้คำแนะนำพร้อมปรับหน้าเว็บไซต์ให้ทันที เพื่อที่ลูกค้าจะได้ทำ Ads และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ